วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

 

เหรียญรุ่น 1 พระครูวิบูลโพธิธรรม (หลวงพ่อพา ฐานวโร​) วัดโพธิ์ทอง ตำ​บล​กระ​โพ​ อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์ ปี 2536


                                                          (#ราคาเล่นหา 500 - 800  บาท) 

ยอดพระเถราจารย์ ศิษย์เอกหลวงพ่อแวง วัดกะโพ ตำ​บล​กระ​โพ​ อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์​ พระเถราจารย์เจ้าของตำรับน้ำมันช้างตกมัน ยอดพระเถราจารย์ของชาวกูย เลี้ยงช้าง อีกหนึ่งเกจิที่มีชื่อเสียงในอดีต

วัตถุมงคลของท่านมากด้วยประสบการณ์มากมาย ท่านเป็นผู้ที่มอบน้ำมันช้างตกมัน (กั่วเผาะ)ให้กับหลวงพ่อชู วัดหินเหล็กไฟ และท่านยังเป็นผู้สร้างวัดหินเหล็กไฟอีกด้วย
วัตถุมงคลของท่านสร้างมาไม่กี่รุ่นเท่านั้น น่าเก็บ น่าสะสม แถมยังไม่มีปลอมออกมาให้เห็นด้วยครับ

อ้างอิง​ : เพจ​พระเครื่อง​เมือง​สุรินทร์​อิสาน​ใต้ 

 

เหรียญรุ่นสุดท้ายพระครูสุวรรณปัญญาจารย์ (หลวงพ่อแวง สุวณฺณปัญโญ) วัดบ้านกระโพ ตำ​บล​บ้าน​กระ​โพ​ อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์




                                                                     (#ราคาเล่นหา 500 - 800  บาท)

จัดสร้างโดยพระครูวิบูลโพธิธรรม​ (หลวงพ่อพา​ ฐานวโร)​ ว​ัดโพธิ์ทอง​ สร้างไว้เป็นที่ระลึกเพื่อบูชาครูในองค์หลวงปู่แวง​ สุวณฺณปัญโญ​)​ วัดกระโพ​ ในปี​ ๒๕๒๒​ ก่อนที่หลวงปู่แวงมรณะภาพในปี ๒๕๒๓ ไม่กี่เดือน สร้างประมาณ ๓,๐๐๐ เหรียญ
วัตถุมงคลของท่าน เป็นที่ศรัทธาของประชาชนชาวกูยมาก เพราะท่านเองก็เป็นครูบาอาจารย์ของชาวกูย และเป็นผู้ถ่ายทอดเวทย์วิทยาคมให้กับ พระครูวิบูลโพธิธรรม ( หลวงพ่อพา ฐานวโร) อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์​
เหรียญ​นี้เด่นด้าน มหาอุตม์ แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยม ค้าขายดีนักแล ปัจจุบันหายากพอสมควร ราคาเล่นหาก็อยู่ที่หลักร้อยปลาย

อ้างอิง : เพจ​พระเครื่อง​เมือง​สุรินทร์​อิสาน​ใต้ 

 


เหรียญรุ่นแรกพระครูสุวรรณปัญญาจารย์ (หลวงพ่อแวง สุวณณปัญโญ) วัดบ้านกระโพ ตำ​บล​บ้าน​กระ​โพ​ อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์




 

                                                          (#ราคาเล่นหา 1,000 - 1,800  บาท)

สร้างในวาระฉลองพัดยศ สร้างขึ้นในเดือนกุมภาพันธุ์ ปี 2516
(#สร้างประมาณ 2,500 เหรียญ )
สร้างพร้อมเหรียญรุ่นแรกพระครูวิบูลธรรมวาที (หลวงพ่ออ้วน อคฺควณฺโณ) วัดสุวรรณอินทร์ทอง (บ้านหนองตาด) อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์​
ประกอบพิธีพุทธาภิเษกโดยพระเถราจารย์ ดังนี้
1.)​ หลวงพ่อทุม ปริสุทโธ วัดใหญ่จอมพระ อำ​เภอ​จอมพระ จังหวัด​สุรินทร์​
2.)​ พระครูบุญสิริโสภณ (หลวงพ่อบุญศรี ปารคามี) วัดธาตุสนม อ​ำ​เภอ​สนม จังหวัด​สุรินทร์​
3.)​ พระครูถาวรธรรมรัตน์ (หลวงพ่อเที่ยง ) วัดเลี่ยบ (บ้านไผ่) อำ​เภอ​รัตนบุรี จังหวัด​สุรินทร์​
4.)​ พระครูประสาธน์ขันธคุณ (หลวงพ่อมุม อินทปัญโญ) วัดปราสาทเยอร์ อำ​เภอ​ขุขันธุ์ จังหวัด​ศรีสะเกษ​
5.)​ หลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก อำ​เภอ​เมือง จังหวัด​สุรินทร์​
6.)​ พระครูอุดมวรเวท (หลวงปู่เจียม อติสโย) วัดอินทราสุการาม (หนองยาว) อำ​เภอ​สังขะ จังหวัด​สุรินทร์​
7.)​ พระครูวิบูลย์ธรรมวาที (หลวงพ่ออ้วน อคฺควณฺโณ) วัดสุวรรณอินทอง (บ้านหนองตาด ) อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์​
8.) พระครูสุวรรณปัญญาจารย์ (หลวงพ่อแวง สุวณฺณปัญโญ) วัดบ้านกระโพ อ​ำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์​
วัตถุมงคลของท่าน เป็นที่ศรัทธาของประชาชนชาวส่วยมาก เพราะท่านเองก็เป็นครูบาอาจารย์ของชาวกูย และเป็นผู้ถ่ายทอดเวทย์วิทยาคมให้กับ พระครูวิบูลโพธิธรรม ( หลวงพ่อพา ฐานวโร) อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์​
เด่นด้าน มหาอุตม์ แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยม ค้าขายดีนักแล
ปัจจุบันหายากพอสมควร ราคาเล่นหาก็อยู่ที่หลัก ร้อยปลาย ถึงพัน ต้นๆครับ
อ้างอิง : จากหนังสือประวัติ พระครูวิบูลย์ธรรมวาที (หลวงพ่ออ้วน อคฺควณฺโณ) วัดสุวรรณอินทอง (บ้านหนองตาด) อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์

 พระครูสุวรรณปัญญาจารย์ (หลวงพ่อแวง สุวณฺณปัญฺโญ) วัดบ้านกระโพ ตำ​บล​บ้าน​กระ​โพ​ อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์


ประวัติพอสังเขป 

                                  หลวงพ่อแวง ท่านเกิดปีฉลู พ.ศ. ๒๔๔๔ ท่านออกบวชเมื่อปี​ ๒๔๖๖ เมื่ออายุได้​ ๒๒ ปี​ หลวงพ่อแวง​ ท่านเป็นอุปชฌาย์ของ​ หลวงพ่อพา​ ฐานวโร​ วัดโพธิ์ทอง​ และเป็นเจ้าคณะตำบลกระโพ รวมทั้งครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทองด้วย​

                                 หลวงพ่อ​แวง​ ท่านได้ถึงแก่มรณภาพลงเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ. ศ. 2523 เวลา 15.15 นาที ด้วยโรคชรา​ สิริรวมอายุได้ ๘๐ ปี​ พรรษา ๕๘
วัตถุมงคลของท่าน เป็นที่ศรัทธาของประชาชนชาวกูยมาก เพราะท่านเองก็เป็นครูบาอาจารย์ของชาวกูย และเป็นผู้ถ่ายทอดเวทย์วิทยาคมให้กับ พระครูวิบูลโพธิธรรม ( หลวงพ่อพา ฐานวโร) ว​ัดโพธิ์ทอง​ อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์​ และหลวงพ่อทองสุข​ วัดรัตนมงคล​
                                 วัตถุมงคล​ของท่าน​เด่นด้าน มหาอุตม์ แคล้วคลาด ปลอดภัย จากอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยม ค้าขายดีนักแล

อ้างอิง : เพจพระเครื่องเมืองสุรินทร์อิสานใต้

 เหรียญหลวงพ่อวาง สีลวัณโณ​ วัดนาสาม ตำบลนาบัว อำ​เภอ​เมือง​ จังหวัด​สุรินทร์​




                                                          (#ราคาเล่นหา 800 - 1500 บาท) 

(#เนื้อนวะโลหะ)​

สร้างที่ระลึก​เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน​ ปี ๒๕๑๘ คณะศิษย์​ธงชัยสามัคคี​ สร้างถวาย
พิธี​มหาพุทธาภิเษก ​ณ วัดกัลยาณบรรพต​ (เขาเลี้ยว)​ อำ​เภอ​พระพุทธบาท​ จังหวัด​สระบุรี​
โดยในครั้งนั้นได้ จัดสร้างวัตถุมงคล​หลายแบบ อาทิ
1.) เหรียญ​เสมาหลวงปู่ศุข​ วัด​ปากคลองมะขาวเฒ่า (เนื้อเงิน,นวะ,ทองแดง)
2.) เหรียญ​ไข่หลวงปู่ศุข​ วัด​ปาก​คลอ​งมะขามเฒ่า (เนื้อเงิน,นวะ,ทองแดง)
3.) เหมือน​ไข่หลวงพ่อวาง สีลวัณโณ วัดนาสาม (เนื้อเงิน,นวะ,ทองแดง)
โดยมีพิธี​มหาพุทธาภิเษก​อย่าง​ยิ่งใหญ่​เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน​ ปี ๒๕๑๘​ โดยมีพระเถรา​จารย์​ชื่อดังร่วมพิธีอธิษฐานจิต อาทิ
1.) พระราชสังวราภิมณฑ์ (โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ) วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพมหานคร
2.) หลวงพ่อย้อย ปุญญมี วัดอัมพวัน จังหวัด​สระบุรี
3.) พระครูสรกิจพิจารณ์ (หลวงพ่อผัน)​ วัดราษฎร์เจริญ(วัดแปดอาร์) จังหวัด​สระบุรี​
4.) หลวงพ่อ​วาง สีลวัณโณ วัดนาสาม อำ​เภอ​เมือง​ จังหวัด​สุรินทร์​
5.) หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม จังหวัด​สิงห์บุรี​
6.) หลวงพ่อแพ วัด​พิกุล​ทอง​ จังหวัด​สิงห์บุรี​ เป็นต้น
สร้างน้อยหายาก เหรียญ​นี้ "เนื้อนวะ​โลหะ" ​ ตอกโค๊ตบนสังฆาฏิ
อ้างอิง​ : เพจ​พระเครื่อง​เมือง​สุรินทร์​อิสาน​ใต้

 เหรียญ รุ่น 3 หลวงปู่จวน สัญญโต วัดบ้านแสลงโทน ตำ​บล​แสลงโทน อำ​เภอ​ประโคนชัย จังหวัด​บุรีรัมย์







                                                              (#ราคาเล่นหา 700 - 900  บาท)

ที่ระลึกฉลองครบรอบอายุ ๖๐ ปี ตำแหน่งเจ้าคณะตำบล​ รุ่นพิเศษสร้างอุโบสถ ปี ๒๕๓๙
หลวงปู่จวน สัญ​ญ​โต​ ศิษย์​เอกหลวงพ่อแก้ว​ โกวิโท วัดสุภาลัย​ และหลวงปู่จวน วัดแสลงโทนยังได้ไปเรียนวิปัสนากรรมฐานในสำนักโคกบัวราย อำ​เภอ​เมือง จังหวัด​สุรินทร์กับ พระครูนนทญาณวิสุทธิ์ (หลวงพ่อสุคม )อีกด้วย
โดยหลวงพ่อสุคมเป็นศิษย์ ในองค์หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ​ภาษีเจริญ​ และ สำนักวัดมหาธาตุยุวราช​รังสฤษฎิ์​ กรุงเทพมหานคร​
พระเถราจารย์เกือบทุกรูปในเขตอิสานใต้ ต้องมาเรียนวิปัสนากรรมฐานใน สำนักแห่งนี้
หลวงปู่จวน วัดแสลงโทน ถือเป็นเจ้าอาวาสที่สร้างและพัฒนาวัดแสลงโทนให้เจริญขึ้นมาตามลำดับ วัตถุมงคลของท่านสร้างมาไม่กี่รุ่น ต่างมีประสบการณ์มากมาย พื้นที่ต่างหวงแหนกันมากครับ ปัจจุบันคนพื้นที่ต่างหากันมาไว้บูชากันมากครับ
เหรียญรุ่นนี้สร้างประมาณ 5,000 เหรียญ ประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดบ้านแสลงโทน โดยพระเถราจารย์ ดังนี้
1.) หลวงพ่อจวน วัดแสลงโทน​ จังหวัด​บุรีรัมย์​
2.) หลวงพ่อเคล็ม วัดกระสัง จังหวัด​บุรีรัมย์​
3.) หลวงพ่อฤทธิ์ วัดชลประทาน​ จังหวัด​บุรีรัมย์​
4.) หลวงพ่อเหลือง วัดกระดึงทอง​ จังหวัด​บุรีรัมย์​
5.) หลวงพ่อกาจ วัดแพงพวย​ จังหวัด​บุรีรัมย์​
6.) หลวงพ่อยิ้ม วัดสมศรี จังหวัด​บุรีรัมย์​ เป็นต้น

 หลวงพ่อจวน สัญญโต วัดบ้านแสลงโทน อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์

ตอนที่​ 1



พระสุปฏิปันโนผู้ปฏิบัติดี มีวิชาเสกแป้งเสกสีผึ้งนารายณ์แปลง เป็นที่เรืองเลื่องลือ
ท่านผู้อ่านครับด้านเรื่องราวการปฏิบัติของหลวงพ่อท่านที่ผมได้ขึ้นหัวเรื่องเลยว่าหลวงพ่อเป็นพระที่ปฏิบัติดีและผมยังคิดเลยไปอีกว่าในปัจจุบันนี้จะหาพระที่ท่านปฏิบัติดีอย่างหลวงพ่อนี้มีน้อยมากฉะนั้นในด้านปฏิปทาการปฏิบัติบางอย่างของหลวงพ่อท่านในใจท้ายเรื่องผมก็จะได้นำมาเล่าสู่ท่านท่านผู้อ่านให้ทราบต่อไปซึ่งก็ต้องย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าด้วยปฏิปทาการปฏิบัติที่สมบูรณ์ด้วยพรหมวิหารธรรมของหลวงพ่อท่าน ท่านผู้อ่านเชื่อไหมครับว่าแม้ในปัจจุบันนี้แป้งนารายณ์แปลงที่หลวงพ่อท่านเสกหรือแม้แต่สีผึ้งมหาเสน่ห์ที่หลวงพ่อผสมสิ่งอาถรรพ์ต่างๆหลวงพ่อท่านก็ยังเมตตาบอกย้ำกับผมว่าไม่ให้เช่าบูชา แต่ใครศรัทธาอยากจะได้ท่านก็บอกว่าจะให้เพราะของไม่ได้ลงทุนลงรอนอะไร



ผู้อ่านที่สนใจทั้งหลายครับสำหรับเฉพาะเรื่องแป้งที่จะมีจดหมายไปขอท่านกรุณาส่งแป้งที่เป็นแป้งเม็ดซื้อตามตลาดนะครับส่งไปถวายท่านมากหรือน้อยก็ได้เท่าที่จะขอไปเพราะเรื่องแป้งผมได้คุยกับท่านและคณะกรรมการว่ามีหลายท่านนะครับไปของท่านแล้วเวลาพอแป้งหมดหลวงพ่อก็ต้องหาปัจจัยซื้อเองทุกครั้ง ท่านผู้อ่านเรื่องราวประวัติของหลวงพ่อท่านหลวง พ่อจวน สัญญโต ที่ผมกำลังเล่าเสนอต่อท่านท่านผู้อ่านอยู่นี้เรื่องราวที่ผมมีโอกาสนำเสนอ ท่านนี้ก็จัดว่าเป็นเรื่องราวที่ผมได้ทราบโดยเพราะบังเอิญก็ได้คือในปีนี้ผมได้มีโอกาสเป็นกรรมการจัดงานปีใหม่เพื่อหารายได้ช่วยการศึกษาเด็กยากจนที่ว่าการอำเภอแห่งหนึ่งซึ่งก่อนจะมีผมและคณะกรรมการอีกหลายท่านต่างก็ได้มีโอกาสได้เดินทางไปติดต่อการละเล่นต่างๆที่มีอยู่ในจังหวัดต่างๆในอันดับแรกผมได้มีโอกาสเดินทางมุ่งสู่จังหวัดนครราชสีมาเพราะที่จังหวัดนครราชสีมานี้ผมหรือแม้ใครๆต่างก็ทราบว่าเป็นจังหวัดที่มีคณะศิลปินต่างๆ เช่นลิเกไทย-ลิเกลาวหมอลำเพลินและเพลงโคราชมีมาก และล้วนมีแต่คณะดังๆด้วยนะที่จังหวัดนี้เมื่อผมมีโอกาสเดินทางไปถึงก็ได้ทราบมาจากคณะกรรมการ ที่มาด้วยกันก่อนว่านะที่จังหวัดนี้มีแม่เพลงโคราชชื่อดังมากอยู่คณะหนึ่งคือแม่เพลงคณะแม่สมคิด ลิเกดังๆหลายคณะเช่นคณะ วรต้อสิมานคร และคณะสมจิตรโชว์เป็นต้นหลายคณะแม้คณะที่ไม่ได้กล่าวชื่อก็ล้วนเป็นศิษย์ที่ใช้แป้งแป้งนารายณ์แปลงของหลวงพ่อจวนโดยเฉพาะคณะวรต้อสิมานครเป็นต้น
คณะวรต้อสิมานครได้มีโอกาสไปแสดงประชันกับคณะลิเกใดๆที่ไม่ใช่ศิษย์หลวงพ่อจวน แม้เงินรางวัลนั้นจะมีผู้วางเดิมพันมากขนาดไหนแต่ที่สุดเมื่อทำการแสดงจบลงแล้วลิเกคณะวรต้อสิมานครก็จะล้มเงินรางวัลไปกินหมดเพราะด้วยความสามารถของผู้แสดงพร้อมผัดหน้าด้วยแป้งเสกของหลวงพ่อจวนท่านด้วยซึ่งในวันนั้นผมกับคณะผู้จัดงานอีกหลายท่านก็ต้องเดินทางไปหารักลิเกที่มีชื่อว่าวรต้อสิมานครนี้แหละก็เปล่านะครับคือไม่ใช่ให้พวกเขาจะเอาผู้แสดงลิเกคณะวรต้อสิมานครไปแสดงแข่งประชันกับลิเกคณะใดหรอกแต่เรื่องหนึ่งที่ผมมีความสนใจมากก็คือทุกคณะรวมทั้งแม่เพลงโคราชแม่สมคิด ที่ผมไปติดต่อไปแสดงนั้นทุกคนมีรูปหลวงพ่อท่านคือหลวงพ่อจวนมีไว้บูชาเหมือนกัน ตอนหลังก็ทราบว่าเขามีของดีและเป็นศิษย์หลวงพ่อกันทั้งนั้นครับ ท่านผู้อ่านและนี่คือเหตุผลที่ผมต้องรีบเดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อท่านนะที่ว่าที่วัดบ้านแสลงโทนตำบลแสลงโทน อำเภอประโคนชัยจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่องราวต่างๆที่เขาเล่าลือว่าท่านมีแป้งเสกนารายณ์แปลงเก่งนัก นำเรื่องราวนั้นมาเสนอให้ท่านผู้อ่านได้ทราบอย่างนี้ซึ่งยิ่งเมื่อผมมีโอกาสไปกราบนมัสการหลวงพ่อท่านอยู่ใกล้ๆและได้เห็นปฏิปทาในการปฏิบัติที่สำรวมอินทรีย์ด้วยท่าทีที่สงบเสงี่ยมของหลวงพ่อท่านด้วย ด้วยแล้วก็ทำให้ผมได้เกิดศรัทธามาก



ยิ่งๆขึ้นยิ่งพอทราบว่าหลวงพ่อท่านเป็นพระที่มีอายุพรรษามากด้วยคือบรรพชามากตั้งแต่เป็นสามเณรผมก็ยิ่งมองเห็นในความบริสุทธิ์ทั้งกายและใจขอพระคุณท่านมากขึ้นยิ่งที่ทุกท่านที่มีบ้านอยู่ใกล้ๆวัดเมื่อผมได้มีโอกาสสนทนาด้วยผมก็ยิ่งทราบถึงปฏิปทาในการปฏิบัติที่มีแต่ความดีของหลวงพ่อมากเพิ่มขึ้นเพราะทุกคนโดยเฉพาะชาวบ้านแสลงโทนเขาต่างพูดต่างเสริมความดีของท่านด้วยการแสดงการพูดออกมาด้วยความศรัทธาในตัวหลวงพ่อ ท่านๆผู้อ่านครับ เรื่องนี้ก็จัดเป็นหลักเรื่องของประชาธิปไตยอย่างหนึ่งของคนไทยเราที่เลือกนับถือคนในศาสนานานๆ เพราะไม่ว่าพระหรือฆราวาสที่ปฏิบัติ จะให้ตนของตนเป็นที่พึ่งของชาวบ้านถ้าสมมุติพระหรือฆราวาสที่เป็นหมอแผนโบราณบ้างในละแวกบ้านอันนั้นถ้ายังเป็นผู้ที่ประพฤติไม่ดีอยู่หรือเป็นหมอกลางบ้านหมอโบราณก็ยังไม่มีความสามารถจริงอยู่ส่วนมากชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆบุคคลผู้นั้นความประพฤติชั่วดีพวกชาวบ้านเขาก็ทราบดีซึ่งท่านผู้อ่านจะเห็นว่าแม้เรื่องราวในเชิงสารคดีพูดถึงพระที่ปฏิบัติดีต่างๆของผมผมจะไม่ค่อยกล่าวเลยว่าพระคุณท่านนั้นท่านดีเด่น แต่ดังไกลทำนองนี้หมดสมัยแล้วครับของ ของดีคนเด่นตามทัศนะความเห็นของผมต้องดีต้องเด่นในถิ่นใกล้ๆเสียก่อนซึ่งเปรียบเหมือนเป็นการเป็นผู้นำและครอบครัวของตนเองคือ ดีในเรือนที่ตนอยู่เสียก่อนถ้าท่านผู้อ่านครับแม้ในปัจจุบันผมเองจะไม่ใช่คนยังหนุ่มเพราะ 40 กว่าแล้วแต่ใจของผมก็ยังคิดเข้าข้างตนว่าตนของตนเองยังไม่แก่และเมื่อได้มีโอกาสไปกราบนมัสการหลวงพ่อท่านนะที่วัดขอสีผึ้งพร้อมแป้งนารายณ์แปลงของหลวงพ่อ ท่านมาด้วยก่อนจะสืบ และเขียนประวัติต่างๆของหลวงพ่อท่านให้ผู้อ่านได้ทราบ และท่านๆผู้อ่านเชื่อไหมสิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิดก็ได้เกิดขึ้น กล่าวคือในธุรกิจต่างๆที่ผมต้องทำการติดต่อประสานอยู่โดยเฉพาะธุรกิจดังนั้นต้องติดต่อกับสุภาพสตรีที่เป็นเพศที่ใจน้อยง่ายด้วยแต่เมื่อผมลองผัดหน้านิด ด้วยแป้งนารายณ์แปลงทาสีผึ้งหน่อยของหลวงพ่อท่านในการติดต่อการดำเนินงานต่างๆก็เกิดเป็นผลสำเร็จขึ้นโดยไม่เป็นไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ซึ่งทั้งนี้ไม่ใช่ผมจะกล่าวเพื่อเทิดทูนหลวงพ่อท่านโดยเอาตัวผมที่ไม่ประสบมาจริงๆว่าประสบมานะครับ นี่เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น



ประวัติของหลวงพ่อ
ท่านเกิดในปีชวด ตรงกับ วันอังคาร เดือน 3 ปีพุทธศักราช 2479 ณ ุที่หมู่บ้านแสลงโทนอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ มีโยมบิดาชื่อกุล โยมมารดาชื่อเมา กงประโคนหลวงพ่อมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 6 คน หลวงพ่อเป็นคนที่ 4 โดยท่านประกอบอาชีพเป็นชาวนาตามเยี่ยงอย่างโยมบิดาโยมมารดาทำมาตั้งแต่อายุยังน้อยจนอายุท่านย่างเข้า 18 ปี หลวงพ่อก็ได้เริ่ม สนใจในธรรมะขอบวชเป็นเณร จนเมื่ออายุได้ 20 ปี ท่านได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนาด้วยความศรัทธาการอุปสมบทครั้งนี้หลวงพ่อก็มีท่านพระอธิการสงวน เป็นพระอุปัชฌาย์ท่านพระอธิการสุรินทร์ วัดเมืองดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และท่านพระอธิการแสร์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยได้นามตามที่ปรากฏว่าสัญญาโตภิกขุ
เมื่ออุปสมบทแล้วหลวงพ่อก็อยู่จำพรรษาที่วัดบ้านเกิดคือวัดหมู่บ้านแสลงโทน หลวงพ่อก็อยู่จำพรรษาได้เพียงปีเดียวเพราะในปีนั้นเองหลวงพ่อท่านก็เกิดอาการอาพาธขึ้นคือท่านมีอาการเกิดโรคที่ แปลกซึ่งโรคที่แปลกดังกล่าวก็คือ หลวงพ่อมีอาการปวดเจ็บที่ภายในท้องโดยที่หมอต่างๆแม้ในโรงพยาบาลที่กรุงเทพคือโรงพยาบาลสงฆ์ก็ไม่สามารถจะหาสาเหตุพบเมื่อเกิดอาการเป็นมากๆและบ่อยขึ้นท่านผู้เป็นโยมบิดาของท่านจึงนำหลวงพ่อกลับไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อจะเสาะหาว่ามีหมอที่จะรักษาทางด้านไสยศาสตร์ที่ไหนเก่งบ้าง เพราะญาติญาติของท่านก็คิดว่าท่านถูกคุณไสยแน่ในตอนนั้นก็ได้ทราบว่านะที่สำนัก วัดสุภาลัยมีเกจิอาจารย์ที่รักษาด้านไสยเวทเก่งยิ่ง คือ หลวงพ่อแก้ว โกวิโท หรือพระครูรัตนสุนทร ซึ่งวัดของท่านอยู่ในจังหวัดสุรินทร์ และเมื่อหลวงพ่อได้มีโอกาสได้ไปรักษาตัวอยู่กับหลวงพ่อแก้วซึ่งหลวงพ่อแก้วได้ทำวิธีรักษาอยู่ไม่กี่วันอาการที่ว่าปวดท้องมากปวดเป็นบางเวลาก็เกิดหายโดยไม่กลับมาเป็นอีกนับเป็นเรื่องที่อัศจรรย์
ด้วยประสบการณ์ของท่านอย่างนี้นับตั้งแต่วันนั้นหลวงพ่อท่านก็ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแก้วเลยโดยอยู่ปฏิบัติรับใช้หลวงพ่อแก้วเพื่อศึกษาเล่าเรียนด้านวิชาเวทมนตร์คาถาอาคมต่างๆซึ่งท่านก็อยู่ที่วัดหลวงพ่อแก้วโดยอยู่เป็นศิษย์รับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อแก้วเป็นเวลาถึง 13 ปี หรือ13 พรรษาและเมื่อรู้ว่าท่านได้เรียนมนต์วิชาต่างๆจากหลวงพ่อแก้วหมดแล้วในพรรษาที่ 13 หลวงพ่อก็ได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ ที่สำนักปฏิบัติธรรมของท่านพระครูนนทญาณวิสุทธิ์ (อาจารย์สุคม ณ วัดโคกบัวราย) จังหวัดสุรินทร์เพื่อปฏิบัติศึกษาด้านพระกรรมฐานต่อไปหลวงพ่ออยู่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ณ ที่สำนักโคกบัวรายนี้เป็นระยะเวลา 7 ปี และต่อมาจากนั้นท่านก็นำเอาวิชาปฏิบัติทางจิตคือ(สมาธิกรรมฐาน)ที่ปรารถนาแต่ความสงบสันโดษโดยท่องเที่ยวธุดงค์เรื่อยไปจนในปี พ.ศ. 2520 เมื่อหลวงพ่อมีโอกาสธุดงค์มาเยี่ยมบ้านเกิดและก็พอดีที่วัดบ้านเกิดของท่านคือ(วัดบ้านแสลงโทน)กำลังจะกลายเป็นวัดที่ร้างเพราะขาดพระอยู่ช่วยพัฒนาหลวงพ่อจึงถูกนิมนต์จากชาวบ้านให้อยู่จำพรรษา

อ้างอิง : นิตยสาร​พระเครื่อง​นะโม​ ปี​ 2531
เรียบเรียงโดย​ : ทำนอง​ ตะมาริด
คัดลอก​ : เพจ​พระเครื่อง​เมือง​สุรินทร์​อิสาน​ใต้