วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

 

เหรียญรุ่น 1 พระครูวิบูลโพธิธรรม (หลวงพ่อพา ฐานวโร​) วัดโพธิ์ทอง ตำ​บล​กระ​โพ​ อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์ ปี 2536


                                                          (#ราคาเล่นหา 500 - 800  บาท) 

ยอดพระเถราจารย์ ศิษย์เอกหลวงพ่อแวง วัดกะโพ ตำ​บล​กระ​โพ​ อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์​ พระเถราจารย์เจ้าของตำรับน้ำมันช้างตกมัน ยอดพระเถราจารย์ของชาวกูย เลี้ยงช้าง อีกหนึ่งเกจิที่มีชื่อเสียงในอดีต

วัตถุมงคลของท่านมากด้วยประสบการณ์มากมาย ท่านเป็นผู้ที่มอบน้ำมันช้างตกมัน (กั่วเผาะ)ให้กับหลวงพ่อชู วัดหินเหล็กไฟ และท่านยังเป็นผู้สร้างวัดหินเหล็กไฟอีกด้วย
วัตถุมงคลของท่านสร้างมาไม่กี่รุ่นเท่านั้น น่าเก็บ น่าสะสม แถมยังไม่มีปลอมออกมาให้เห็นด้วยครับ

อ้างอิง​ : เพจ​พระเครื่อง​เมือง​สุรินทร์​อิสาน​ใต้ 

 

เหรียญรุ่นสุดท้ายพระครูสุวรรณปัญญาจารย์ (หลวงพ่อแวง สุวณฺณปัญโญ) วัดบ้านกระโพ ตำ​บล​บ้าน​กระ​โพ​ อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์




                                                                     (#ราคาเล่นหา 500 - 800  บาท)

จัดสร้างโดยพระครูวิบูลโพธิธรรม​ (หลวงพ่อพา​ ฐานวโร)​ ว​ัดโพธิ์ทอง​ สร้างไว้เป็นที่ระลึกเพื่อบูชาครูในองค์หลวงปู่แวง​ สุวณฺณปัญโญ​)​ วัดกระโพ​ ในปี​ ๒๕๒๒​ ก่อนที่หลวงปู่แวงมรณะภาพในปี ๒๕๒๓ ไม่กี่เดือน สร้างประมาณ ๓,๐๐๐ เหรียญ
วัตถุมงคลของท่าน เป็นที่ศรัทธาของประชาชนชาวกูยมาก เพราะท่านเองก็เป็นครูบาอาจารย์ของชาวกูย และเป็นผู้ถ่ายทอดเวทย์วิทยาคมให้กับ พระครูวิบูลโพธิธรรม ( หลวงพ่อพา ฐานวโร) อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์​
เหรียญ​นี้เด่นด้าน มหาอุตม์ แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยม ค้าขายดีนักแล ปัจจุบันหายากพอสมควร ราคาเล่นหาก็อยู่ที่หลักร้อยปลาย

อ้างอิง : เพจ​พระเครื่อง​เมือง​สุรินทร์​อิสาน​ใต้ 

 


เหรียญรุ่นแรกพระครูสุวรรณปัญญาจารย์ (หลวงพ่อแวง สุวณณปัญโญ) วัดบ้านกระโพ ตำ​บล​บ้าน​กระ​โพ​ อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์




 

                                                          (#ราคาเล่นหา 1,000 - 1,800  บาท)

สร้างในวาระฉลองพัดยศ สร้างขึ้นในเดือนกุมภาพันธุ์ ปี 2516
(#สร้างประมาณ 2,500 เหรียญ )
สร้างพร้อมเหรียญรุ่นแรกพระครูวิบูลธรรมวาที (หลวงพ่ออ้วน อคฺควณฺโณ) วัดสุวรรณอินทร์ทอง (บ้านหนองตาด) อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์​
ประกอบพิธีพุทธาภิเษกโดยพระเถราจารย์ ดังนี้
1.)​ หลวงพ่อทุม ปริสุทโธ วัดใหญ่จอมพระ อำ​เภอ​จอมพระ จังหวัด​สุรินทร์​
2.)​ พระครูบุญสิริโสภณ (หลวงพ่อบุญศรี ปารคามี) วัดธาตุสนม อ​ำ​เภอ​สนม จังหวัด​สุรินทร์​
3.)​ พระครูถาวรธรรมรัตน์ (หลวงพ่อเที่ยง ) วัดเลี่ยบ (บ้านไผ่) อำ​เภอ​รัตนบุรี จังหวัด​สุรินทร์​
4.)​ พระครูประสาธน์ขันธคุณ (หลวงพ่อมุม อินทปัญโญ) วัดปราสาทเยอร์ อำ​เภอ​ขุขันธุ์ จังหวัด​ศรีสะเกษ​
5.)​ หลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก อำ​เภอ​เมือง จังหวัด​สุรินทร์​
6.)​ พระครูอุดมวรเวท (หลวงปู่เจียม อติสโย) วัดอินทราสุการาม (หนองยาว) อำ​เภอ​สังขะ จังหวัด​สุรินทร์​
7.)​ พระครูวิบูลย์ธรรมวาที (หลวงพ่ออ้วน อคฺควณฺโณ) วัดสุวรรณอินทอง (บ้านหนองตาด ) อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์​
8.) พระครูสุวรรณปัญญาจารย์ (หลวงพ่อแวง สุวณฺณปัญโญ) วัดบ้านกระโพ อ​ำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์​
วัตถุมงคลของท่าน เป็นที่ศรัทธาของประชาชนชาวส่วยมาก เพราะท่านเองก็เป็นครูบาอาจารย์ของชาวกูย และเป็นผู้ถ่ายทอดเวทย์วิทยาคมให้กับ พระครูวิบูลโพธิธรรม ( หลวงพ่อพา ฐานวโร) อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์​
เด่นด้าน มหาอุตม์ แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยม ค้าขายดีนักแล
ปัจจุบันหายากพอสมควร ราคาเล่นหาก็อยู่ที่หลัก ร้อยปลาย ถึงพัน ต้นๆครับ
อ้างอิง : จากหนังสือประวัติ พระครูวิบูลย์ธรรมวาที (หลวงพ่ออ้วน อคฺควณฺโณ) วัดสุวรรณอินทอง (บ้านหนองตาด) อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์

 พระครูสุวรรณปัญญาจารย์ (หลวงพ่อแวง สุวณฺณปัญฺโญ) วัดบ้านกระโพ ตำ​บล​บ้าน​กระ​โพ​ อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์


ประวัติพอสังเขป 

                                  หลวงพ่อแวง ท่านเกิดปีฉลู พ.ศ. ๒๔๔๔ ท่านออกบวชเมื่อปี​ ๒๔๖๖ เมื่ออายุได้​ ๒๒ ปี​ หลวงพ่อแวง​ ท่านเป็นอุปชฌาย์ของ​ หลวงพ่อพา​ ฐานวโร​ วัดโพธิ์ทอง​ และเป็นเจ้าคณะตำบลกระโพ รวมทั้งครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทองด้วย​

                                 หลวงพ่อ​แวง​ ท่านได้ถึงแก่มรณภาพลงเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ. ศ. 2523 เวลา 15.15 นาที ด้วยโรคชรา​ สิริรวมอายุได้ ๘๐ ปี​ พรรษา ๕๘
วัตถุมงคลของท่าน เป็นที่ศรัทธาของประชาชนชาวกูยมาก เพราะท่านเองก็เป็นครูบาอาจารย์ของชาวกูย และเป็นผู้ถ่ายทอดเวทย์วิทยาคมให้กับ พระครูวิบูลโพธิธรรม ( หลวงพ่อพา ฐานวโร) ว​ัดโพธิ์ทอง​ อำ​เภอ​ท่าตูม จังหวัด​สุรินทร์​ และหลวงพ่อทองสุข​ วัดรัตนมงคล​
                                 วัตถุมงคล​ของท่าน​เด่นด้าน มหาอุตม์ แคล้วคลาด ปลอดภัย จากอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยม ค้าขายดีนักแล

อ้างอิง : เพจพระเครื่องเมืองสุรินทร์อิสานใต้

 เหรียญหลวงพ่อวาง สีลวัณโณ​ วัดนาสาม ตำบลนาบัว อำ​เภอ​เมือง​ จังหวัด​สุรินทร์​




                                                          (#ราคาเล่นหา 800 - 1500 บาท) 

(#เนื้อนวะโลหะ)​

สร้างที่ระลึก​เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน​ ปี ๒๕๑๘ คณะศิษย์​ธงชัยสามัคคี​ สร้างถวาย
พิธี​มหาพุทธาภิเษก ​ณ วัดกัลยาณบรรพต​ (เขาเลี้ยว)​ อำ​เภอ​พระพุทธบาท​ จังหวัด​สระบุรี​
โดยในครั้งนั้นได้ จัดสร้างวัตถุมงคล​หลายแบบ อาทิ
1.) เหรียญ​เสมาหลวงปู่ศุข​ วัด​ปากคลองมะขาวเฒ่า (เนื้อเงิน,นวะ,ทองแดง)
2.) เหรียญ​ไข่หลวงปู่ศุข​ วัด​ปาก​คลอ​งมะขามเฒ่า (เนื้อเงิน,นวะ,ทองแดง)
3.) เหมือน​ไข่หลวงพ่อวาง สีลวัณโณ วัดนาสาม (เนื้อเงิน,นวะ,ทองแดง)
โดยมีพิธี​มหาพุทธาภิเษก​อย่าง​ยิ่งใหญ่​เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน​ ปี ๒๕๑๘​ โดยมีพระเถรา​จารย์​ชื่อดังร่วมพิธีอธิษฐานจิต อาทิ
1.) พระราชสังวราภิมณฑ์ (โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ) วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพมหานคร
2.) หลวงพ่อย้อย ปุญญมี วัดอัมพวัน จังหวัด​สระบุรี
3.) พระครูสรกิจพิจารณ์ (หลวงพ่อผัน)​ วัดราษฎร์เจริญ(วัดแปดอาร์) จังหวัด​สระบุรี​
4.) หลวงพ่อ​วาง สีลวัณโณ วัดนาสาม อำ​เภอ​เมือง​ จังหวัด​สุรินทร์​
5.) หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม จังหวัด​สิงห์บุรี​
6.) หลวงพ่อแพ วัด​พิกุล​ทอง​ จังหวัด​สิงห์บุรี​ เป็นต้น
สร้างน้อยหายาก เหรียญ​นี้ "เนื้อนวะ​โลหะ" ​ ตอกโค๊ตบนสังฆาฏิ
อ้างอิง​ : เพจ​พระเครื่อง​เมือง​สุรินทร์​อิสาน​ใต้

 เหรียญ รุ่น 3 หลวงปู่จวน สัญญโต วัดบ้านแสลงโทน ตำ​บล​แสลงโทน อำ​เภอ​ประโคนชัย จังหวัด​บุรีรัมย์







                                                              (#ราคาเล่นหา 700 - 900  บาท)

ที่ระลึกฉลองครบรอบอายุ ๖๐ ปี ตำแหน่งเจ้าคณะตำบล​ รุ่นพิเศษสร้างอุโบสถ ปี ๒๕๓๙
หลวงปู่จวน สัญ​ญ​โต​ ศิษย์​เอกหลวงพ่อแก้ว​ โกวิโท วัดสุภาลัย​ และหลวงปู่จวน วัดแสลงโทนยังได้ไปเรียนวิปัสนากรรมฐานในสำนักโคกบัวราย อำ​เภอ​เมือง จังหวัด​สุรินทร์กับ พระครูนนทญาณวิสุทธิ์ (หลวงพ่อสุคม )อีกด้วย
โดยหลวงพ่อสุคมเป็นศิษย์ ในองค์หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ​ภาษีเจริญ​ และ สำนักวัดมหาธาตุยุวราช​รังสฤษฎิ์​ กรุงเทพมหานคร​
พระเถราจารย์เกือบทุกรูปในเขตอิสานใต้ ต้องมาเรียนวิปัสนากรรมฐานใน สำนักแห่งนี้
หลวงปู่จวน วัดแสลงโทน ถือเป็นเจ้าอาวาสที่สร้างและพัฒนาวัดแสลงโทนให้เจริญขึ้นมาตามลำดับ วัตถุมงคลของท่านสร้างมาไม่กี่รุ่น ต่างมีประสบการณ์มากมาย พื้นที่ต่างหวงแหนกันมากครับ ปัจจุบันคนพื้นที่ต่างหากันมาไว้บูชากันมากครับ
เหรียญรุ่นนี้สร้างประมาณ 5,000 เหรียญ ประกอบพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดบ้านแสลงโทน โดยพระเถราจารย์ ดังนี้
1.) หลวงพ่อจวน วัดแสลงโทน​ จังหวัด​บุรีรัมย์​
2.) หลวงพ่อเคล็ม วัดกระสัง จังหวัด​บุรีรัมย์​
3.) หลวงพ่อฤทธิ์ วัดชลประทาน​ จังหวัด​บุรีรัมย์​
4.) หลวงพ่อเหลือง วัดกระดึงทอง​ จังหวัด​บุรีรัมย์​
5.) หลวงพ่อกาจ วัดแพงพวย​ จังหวัด​บุรีรัมย์​
6.) หลวงพ่อยิ้ม วัดสมศรี จังหวัด​บุรีรัมย์​ เป็นต้น

 หลวงพ่อจวน สัญญโต วัดบ้านแสลงโทน อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์

ตอนที่​ 1



พระสุปฏิปันโนผู้ปฏิบัติดี มีวิชาเสกแป้งเสกสีผึ้งนารายณ์แปลง เป็นที่เรืองเลื่องลือ
ท่านผู้อ่านครับด้านเรื่องราวการปฏิบัติของหลวงพ่อท่านที่ผมได้ขึ้นหัวเรื่องเลยว่าหลวงพ่อเป็นพระที่ปฏิบัติดีและผมยังคิดเลยไปอีกว่าในปัจจุบันนี้จะหาพระที่ท่านปฏิบัติดีอย่างหลวงพ่อนี้มีน้อยมากฉะนั้นในด้านปฏิปทาการปฏิบัติบางอย่างของหลวงพ่อท่านในใจท้ายเรื่องผมก็จะได้นำมาเล่าสู่ท่านท่านผู้อ่านให้ทราบต่อไปซึ่งก็ต้องย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าด้วยปฏิปทาการปฏิบัติที่สมบูรณ์ด้วยพรหมวิหารธรรมของหลวงพ่อท่าน ท่านผู้อ่านเชื่อไหมครับว่าแม้ในปัจจุบันนี้แป้งนารายณ์แปลงที่หลวงพ่อท่านเสกหรือแม้แต่สีผึ้งมหาเสน่ห์ที่หลวงพ่อผสมสิ่งอาถรรพ์ต่างๆหลวงพ่อท่านก็ยังเมตตาบอกย้ำกับผมว่าไม่ให้เช่าบูชา แต่ใครศรัทธาอยากจะได้ท่านก็บอกว่าจะให้เพราะของไม่ได้ลงทุนลงรอนอะไร



ผู้อ่านที่สนใจทั้งหลายครับสำหรับเฉพาะเรื่องแป้งที่จะมีจดหมายไปขอท่านกรุณาส่งแป้งที่เป็นแป้งเม็ดซื้อตามตลาดนะครับส่งไปถวายท่านมากหรือน้อยก็ได้เท่าที่จะขอไปเพราะเรื่องแป้งผมได้คุยกับท่านและคณะกรรมการว่ามีหลายท่านนะครับไปของท่านแล้วเวลาพอแป้งหมดหลวงพ่อก็ต้องหาปัจจัยซื้อเองทุกครั้ง ท่านผู้อ่านเรื่องราวประวัติของหลวงพ่อท่านหลวง พ่อจวน สัญญโต ที่ผมกำลังเล่าเสนอต่อท่านท่านผู้อ่านอยู่นี้เรื่องราวที่ผมมีโอกาสนำเสนอ ท่านนี้ก็จัดว่าเป็นเรื่องราวที่ผมได้ทราบโดยเพราะบังเอิญก็ได้คือในปีนี้ผมได้มีโอกาสเป็นกรรมการจัดงานปีใหม่เพื่อหารายได้ช่วยการศึกษาเด็กยากจนที่ว่าการอำเภอแห่งหนึ่งซึ่งก่อนจะมีผมและคณะกรรมการอีกหลายท่านต่างก็ได้มีโอกาสได้เดินทางไปติดต่อการละเล่นต่างๆที่มีอยู่ในจังหวัดต่างๆในอันดับแรกผมได้มีโอกาสเดินทางมุ่งสู่จังหวัดนครราชสีมาเพราะที่จังหวัดนครราชสีมานี้ผมหรือแม้ใครๆต่างก็ทราบว่าเป็นจังหวัดที่มีคณะศิลปินต่างๆ เช่นลิเกไทย-ลิเกลาวหมอลำเพลินและเพลงโคราชมีมาก และล้วนมีแต่คณะดังๆด้วยนะที่จังหวัดนี้เมื่อผมมีโอกาสเดินทางไปถึงก็ได้ทราบมาจากคณะกรรมการ ที่มาด้วยกันก่อนว่านะที่จังหวัดนี้มีแม่เพลงโคราชชื่อดังมากอยู่คณะหนึ่งคือแม่เพลงคณะแม่สมคิด ลิเกดังๆหลายคณะเช่นคณะ วรต้อสิมานคร และคณะสมจิตรโชว์เป็นต้นหลายคณะแม้คณะที่ไม่ได้กล่าวชื่อก็ล้วนเป็นศิษย์ที่ใช้แป้งแป้งนารายณ์แปลงของหลวงพ่อจวนโดยเฉพาะคณะวรต้อสิมานครเป็นต้น
คณะวรต้อสิมานครได้มีโอกาสไปแสดงประชันกับคณะลิเกใดๆที่ไม่ใช่ศิษย์หลวงพ่อจวน แม้เงินรางวัลนั้นจะมีผู้วางเดิมพันมากขนาดไหนแต่ที่สุดเมื่อทำการแสดงจบลงแล้วลิเกคณะวรต้อสิมานครก็จะล้มเงินรางวัลไปกินหมดเพราะด้วยความสามารถของผู้แสดงพร้อมผัดหน้าด้วยแป้งเสกของหลวงพ่อจวนท่านด้วยซึ่งในวันนั้นผมกับคณะผู้จัดงานอีกหลายท่านก็ต้องเดินทางไปหารักลิเกที่มีชื่อว่าวรต้อสิมานครนี้แหละก็เปล่านะครับคือไม่ใช่ให้พวกเขาจะเอาผู้แสดงลิเกคณะวรต้อสิมานครไปแสดงแข่งประชันกับลิเกคณะใดหรอกแต่เรื่องหนึ่งที่ผมมีความสนใจมากก็คือทุกคณะรวมทั้งแม่เพลงโคราชแม่สมคิด ที่ผมไปติดต่อไปแสดงนั้นทุกคนมีรูปหลวงพ่อท่านคือหลวงพ่อจวนมีไว้บูชาเหมือนกัน ตอนหลังก็ทราบว่าเขามีของดีและเป็นศิษย์หลวงพ่อกันทั้งนั้นครับ ท่านผู้อ่านและนี่คือเหตุผลที่ผมต้องรีบเดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อท่านนะที่ว่าที่วัดบ้านแสลงโทนตำบลแสลงโทน อำเภอประโคนชัยจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่องราวต่างๆที่เขาเล่าลือว่าท่านมีแป้งเสกนารายณ์แปลงเก่งนัก นำเรื่องราวนั้นมาเสนอให้ท่านผู้อ่านได้ทราบอย่างนี้ซึ่งยิ่งเมื่อผมมีโอกาสไปกราบนมัสการหลวงพ่อท่านอยู่ใกล้ๆและได้เห็นปฏิปทาในการปฏิบัติที่สำรวมอินทรีย์ด้วยท่าทีที่สงบเสงี่ยมของหลวงพ่อท่านด้วย ด้วยแล้วก็ทำให้ผมได้เกิดศรัทธามาก



ยิ่งๆขึ้นยิ่งพอทราบว่าหลวงพ่อท่านเป็นพระที่มีอายุพรรษามากด้วยคือบรรพชามากตั้งแต่เป็นสามเณรผมก็ยิ่งมองเห็นในความบริสุทธิ์ทั้งกายและใจขอพระคุณท่านมากขึ้นยิ่งที่ทุกท่านที่มีบ้านอยู่ใกล้ๆวัดเมื่อผมได้มีโอกาสสนทนาด้วยผมก็ยิ่งทราบถึงปฏิปทาในการปฏิบัติที่มีแต่ความดีของหลวงพ่อมากเพิ่มขึ้นเพราะทุกคนโดยเฉพาะชาวบ้านแสลงโทนเขาต่างพูดต่างเสริมความดีของท่านด้วยการแสดงการพูดออกมาด้วยความศรัทธาในตัวหลวงพ่อ ท่านๆผู้อ่านครับ เรื่องนี้ก็จัดเป็นหลักเรื่องของประชาธิปไตยอย่างหนึ่งของคนไทยเราที่เลือกนับถือคนในศาสนานานๆ เพราะไม่ว่าพระหรือฆราวาสที่ปฏิบัติ จะให้ตนของตนเป็นที่พึ่งของชาวบ้านถ้าสมมุติพระหรือฆราวาสที่เป็นหมอแผนโบราณบ้างในละแวกบ้านอันนั้นถ้ายังเป็นผู้ที่ประพฤติไม่ดีอยู่หรือเป็นหมอกลางบ้านหมอโบราณก็ยังไม่มีความสามารถจริงอยู่ส่วนมากชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆบุคคลผู้นั้นความประพฤติชั่วดีพวกชาวบ้านเขาก็ทราบดีซึ่งท่านผู้อ่านจะเห็นว่าแม้เรื่องราวในเชิงสารคดีพูดถึงพระที่ปฏิบัติดีต่างๆของผมผมจะไม่ค่อยกล่าวเลยว่าพระคุณท่านนั้นท่านดีเด่น แต่ดังไกลทำนองนี้หมดสมัยแล้วครับของ ของดีคนเด่นตามทัศนะความเห็นของผมต้องดีต้องเด่นในถิ่นใกล้ๆเสียก่อนซึ่งเปรียบเหมือนเป็นการเป็นผู้นำและครอบครัวของตนเองคือ ดีในเรือนที่ตนอยู่เสียก่อนถ้าท่านผู้อ่านครับแม้ในปัจจุบันผมเองจะไม่ใช่คนยังหนุ่มเพราะ 40 กว่าแล้วแต่ใจของผมก็ยังคิดเข้าข้างตนว่าตนของตนเองยังไม่แก่และเมื่อได้มีโอกาสไปกราบนมัสการหลวงพ่อท่านนะที่วัดขอสีผึ้งพร้อมแป้งนารายณ์แปลงของหลวงพ่อ ท่านมาด้วยก่อนจะสืบ และเขียนประวัติต่างๆของหลวงพ่อท่านให้ผู้อ่านได้ทราบ และท่านๆผู้อ่านเชื่อไหมสิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิดก็ได้เกิดขึ้น กล่าวคือในธุรกิจต่างๆที่ผมต้องทำการติดต่อประสานอยู่โดยเฉพาะธุรกิจดังนั้นต้องติดต่อกับสุภาพสตรีที่เป็นเพศที่ใจน้อยง่ายด้วยแต่เมื่อผมลองผัดหน้านิด ด้วยแป้งนารายณ์แปลงทาสีผึ้งหน่อยของหลวงพ่อท่านในการติดต่อการดำเนินงานต่างๆก็เกิดเป็นผลสำเร็จขึ้นโดยไม่เป็นไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ซึ่งทั้งนี้ไม่ใช่ผมจะกล่าวเพื่อเทิดทูนหลวงพ่อท่านโดยเอาตัวผมที่ไม่ประสบมาจริงๆว่าประสบมานะครับ นี่เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น



ประวัติของหลวงพ่อ
ท่านเกิดในปีชวด ตรงกับ วันอังคาร เดือน 3 ปีพุทธศักราช 2479 ณ ุที่หมู่บ้านแสลงโทนอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ มีโยมบิดาชื่อกุล โยมมารดาชื่อเมา กงประโคนหลวงพ่อมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 6 คน หลวงพ่อเป็นคนที่ 4 โดยท่านประกอบอาชีพเป็นชาวนาตามเยี่ยงอย่างโยมบิดาโยมมารดาทำมาตั้งแต่อายุยังน้อยจนอายุท่านย่างเข้า 18 ปี หลวงพ่อก็ได้เริ่ม สนใจในธรรมะขอบวชเป็นเณร จนเมื่ออายุได้ 20 ปี ท่านได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนาด้วยความศรัทธาการอุปสมบทครั้งนี้หลวงพ่อก็มีท่านพระอธิการสงวน เป็นพระอุปัชฌาย์ท่านพระอธิการสุรินทร์ วัดเมืองดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และท่านพระอธิการแสร์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยได้นามตามที่ปรากฏว่าสัญญาโตภิกขุ
เมื่ออุปสมบทแล้วหลวงพ่อก็อยู่จำพรรษาที่วัดบ้านเกิดคือวัดหมู่บ้านแสลงโทน หลวงพ่อก็อยู่จำพรรษาได้เพียงปีเดียวเพราะในปีนั้นเองหลวงพ่อท่านก็เกิดอาการอาพาธขึ้นคือท่านมีอาการเกิดโรคที่ แปลกซึ่งโรคที่แปลกดังกล่าวก็คือ หลวงพ่อมีอาการปวดเจ็บที่ภายในท้องโดยที่หมอต่างๆแม้ในโรงพยาบาลที่กรุงเทพคือโรงพยาบาลสงฆ์ก็ไม่สามารถจะหาสาเหตุพบเมื่อเกิดอาการเป็นมากๆและบ่อยขึ้นท่านผู้เป็นโยมบิดาของท่านจึงนำหลวงพ่อกลับไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อจะเสาะหาว่ามีหมอที่จะรักษาทางด้านไสยศาสตร์ที่ไหนเก่งบ้าง เพราะญาติญาติของท่านก็คิดว่าท่านถูกคุณไสยแน่ในตอนนั้นก็ได้ทราบว่านะที่สำนัก วัดสุภาลัยมีเกจิอาจารย์ที่รักษาด้านไสยเวทเก่งยิ่ง คือ หลวงพ่อแก้ว โกวิโท หรือพระครูรัตนสุนทร ซึ่งวัดของท่านอยู่ในจังหวัดสุรินทร์ และเมื่อหลวงพ่อได้มีโอกาสได้ไปรักษาตัวอยู่กับหลวงพ่อแก้วซึ่งหลวงพ่อแก้วได้ทำวิธีรักษาอยู่ไม่กี่วันอาการที่ว่าปวดท้องมากปวดเป็นบางเวลาก็เกิดหายโดยไม่กลับมาเป็นอีกนับเป็นเรื่องที่อัศจรรย์
ด้วยประสบการณ์ของท่านอย่างนี้นับตั้งแต่วันนั้นหลวงพ่อท่านก็ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแก้วเลยโดยอยู่ปฏิบัติรับใช้หลวงพ่อแก้วเพื่อศึกษาเล่าเรียนด้านวิชาเวทมนตร์คาถาอาคมต่างๆซึ่งท่านก็อยู่ที่วัดหลวงพ่อแก้วโดยอยู่เป็นศิษย์รับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อแก้วเป็นเวลาถึง 13 ปี หรือ13 พรรษาและเมื่อรู้ว่าท่านได้เรียนมนต์วิชาต่างๆจากหลวงพ่อแก้วหมดแล้วในพรรษาที่ 13 หลวงพ่อก็ได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ ที่สำนักปฏิบัติธรรมของท่านพระครูนนทญาณวิสุทธิ์ (อาจารย์สุคม ณ วัดโคกบัวราย) จังหวัดสุรินทร์เพื่อปฏิบัติศึกษาด้านพระกรรมฐานต่อไปหลวงพ่ออยู่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ณ ที่สำนักโคกบัวรายนี้เป็นระยะเวลา 7 ปี และต่อมาจากนั้นท่านก็นำเอาวิชาปฏิบัติทางจิตคือ(สมาธิกรรมฐาน)ที่ปรารถนาแต่ความสงบสันโดษโดยท่องเที่ยวธุดงค์เรื่อยไปจนในปี พ.ศ. 2520 เมื่อหลวงพ่อมีโอกาสธุดงค์มาเยี่ยมบ้านเกิดและก็พอดีที่วัดบ้านเกิดของท่านคือ(วัดบ้านแสลงโทน)กำลังจะกลายเป็นวัดที่ร้างเพราะขาดพระอยู่ช่วยพัฒนาหลวงพ่อจึงถูกนิมนต์จากชาวบ้านให้อยู่จำพรรษา

อ้างอิง : นิตยสาร​พระเครื่อง​นะโม​ ปี​ 2531
เรียบเรียงโดย​ : ทำนอง​ ตะมาริด
คัดลอก​ : เพจ​พระเครื่อง​เมือง​สุรินทร์​อิสาน​ใต้

  เหรียญรุ่น​ 4 หลวงพ่อจวน​ สัญญโต​ วัดบ้านแสลงโทน​ อำเภอ​ประโคนชัย​ จังหวัด​บุรีรัมย์​



                                                               (#ราคาเล่นหา  500 - 800 บาท) 

จัด​สร้าง​ 12 เมษายน​ ปี​ 2547​ ที่ระลึกฉลองครบรอบอายุ 68 ปี​

(เ​นื้อทองแดง​ ผิวไฟสวยเดิม)​
หลวงปู่จวน สัญ​ญ​โต​ ศิษย์​เอกหลวงพ่อแก้ว​ โกวิโท วัดสุภาลัย​ และหลวงปู่จวน วัดแสลงโทนยังได้ไปเรียนวิปัสนากรรมฐานในสำนักโคกบัวราย อำ​เภอ​เมือง จังหวัด​สุรินทร์กับ พระครูนนทญาณวิสุทธิ์ (หลวงพ่อสุคม )อีกด้วย
โดยหลวงพ่อสุคมเป็นศิษย์ ในองค์หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ​ภาษีเจริญ​ และ สำนักวัดมหาธาตุยุวราช​รังสฤษฎิ์​ กรุงเทพมหานคร​
พระเถราจารย์เกือบทุกรูปในเขตอิสานใต้ ต้องมาเรียนวิปัสนากรรมฐานใน สำนักแห่งนี้
หลวงปู่จวน วัดแสลงโทน ถือเป็นเจ้าอาวาสที่สร้างและพัฒนาวัดแสลงโทนให้เจริญขึ้นมาตามลำดับ วัตถุมงคลของท่านสร้างมาไม่กี่รุ่น ต่างมีประสบการณ์มากมาย พื้นที่ต่างหวงแหนกันมากครับ ปัจจุบันคนพื้นที่ต่างหากันมาไว้บูชากัน

อ้างอิง​ : เพจ​พระเครื่อง​เมือง​สุรินทร์​อิสาน​ใต้

 หลวงพ่อ​จวน​ สญฺญโต​ วัดบ้านแสลงโทน​ อำเภอประโคนชัย​ จังหวัด​บุรีรัมย์​

ตอนที่ 2




พระผู้ปฏิบัติดีมีวิชาเสกแป้งเสกสีผึ้ง (นารายณ์แปลงเป็นที่เลื่องลือ)​
ท่าน ๆ ผู้อ่านครับครั้นเมื่อหลวงพ่อจวน​ ท่านได้กลับไปจำพรรษาอยู่ ณ ที่วัดบ้านแสลงโทนซึ่งเป็นวัดที่อยู่ในหมู่บ้านของท่านแล้วหลวงพ่อจวน​ นอกจากท่านจะรับการะพัฒนาวัดที่กำลังทรุดโทรมให้เป็นรูปวัดที่มีสิ่งก่อสร้างบ้างแล้ว​ แม้กุลบุตรผู้ที่ใคร่บวชใหม่ไม่ว่าคนใกล้คนไกลต่างก็ไปบวชอยู่ ณ ที่วัดบ้านแสลงโทนมากมายซึ่งทั้งนี้ก็จัดเป็นเหตุที่เป็นไปได้ที่ว่าหลวงพ่อท่านเป็นพระที่ปฏิบัติที่จริง ๆ มีเมตตาเป็นบารมีอันไพศาลซึ่งแม้ผู้ที่อุปสมบทใหม่ก็ใครจะไปอยู่ปฏิบัติธรรมเพื่อขอคำสอนแนะนำจากท่านและนับมาปี พ.ศ. 2520 นั้นมาที่วัดบ้านแลงโทนที่เหมือนเป็นวัดร้างมาปัจจุบันที่เมืองแน่นไปด้วยพระภิกษุสามเณรแม้คนที่ไปอยู่ปฏิบัติมากมาย
หลวงพ่อท่านได้เริ่มก่อสร้างหอประชุมสำหรับเป็นที่พักอาศัยของพระภิกษเพราะกุฏิสงฆ์​ยังไม่มี) และด้วยบารมีของหลวงพ่อหอประชุมใหญ่ก็มาเร็จได้ไม่นานอยู่มาประมาณเมื่อสามปีที่ผ่านมา​ หลวงพ่อท่านก็เริ่มก่อสร้างศาลาขึ้นใหม่อีกซึ่งท่านสร้างมาจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สำเร็จไปได้ (เนื่องด้วยปัจจัยทางวัดหาได้น้อย) เพราะหลวงพ่อฯ ไม่เคยบอกบุญเรียไร่​ นอกจากการสงเคราะห์ญาติโยมด้วยการช่วยแก้คุณไสย์ต่าง ๆ เมื่อเขาหายสบายกันดีเขาก็ถวายปัจจัยช่วยท่านสร้างอีก
อย่างด้านสีผึ้งและแป้งนารายณ์แปลง​ ที่หลวงพ่อเมตตาทำอยู่มากมายก็เป็นความดีทางเมตตาส่วนหนึ่ง​ ที่ผู้ได้ของท่านไปใช้และเมื่อสำเร็จได้ในกิจทั้งปวงแม้ด้านการแสดงต่างก็จะนึกถึงพระคุณในความมีเมตตาของท่านกลับไปช่วยท่านก่อสร้างสิ่งต่าง ๆ ในวัด สำหรับเรื่องสีผึ้งที่หลวงพ่อท่านด้วยการผสมน้ำมันในสิ่งอาถรรพ์ต่าง ๆ วันที่ผมไปกราบมนัสการ​ ก็มีหลายท่านนะครับแม้อยู่ไกลถึงจังหวัดชลบุรีโน่น​ เขาก็ได้ยังดั้งด้นไปขอสีผึ้งจากหลวงพ่อดังกล่าว (ทราบว่าเอาไปค้าขายของดี)
แม่แป้งที่ท่านเสกด้วยคาถานารายณ์​แปลง​ (ที่หลวงพ่อท่านใช้ชื่อแป้งของท่านอย่างนี้)​



ผมก็เห็นมีสุภาพ​สตรีแนะเหล่าหมู่หมอลำ​ ลิเกไทย​ -​ ลาว​ ต่างก็ไปขอท่านไม่ขาด​ ซึ่งสิ่งที่ทำความประทับใจให้ผมมากก็คือ​ หลวงพ่อ​ไม่เคยเรียกร้องปัจจัยอันจะพูดได้ว่าเป็นค่าครูค่าคาย​ เลยซึ่งการกระทำด้านเมตตา​ของท่าน (แจกฟรีๆ) ก็เท่ากับเป็นการท้าทายของท่าน​ ว่าถ้านำไปใช้แล้วไม่เก่ง! แน่จริง! ก็ไม่ต้องนึกถึงหลวงพ่อ (ช่วยท่านสร้างได้อะไรทำนองนั้น)​ สำหรับด้านที่มีผู้ไปให้หลวงพ่อท่านเมตตาช่วยถอดถอนคุณไสย์ต่าง ๆ ที่คิดว่าถูกอย่างนั้นทุก ๆ วันก็มีกันไปมากมายโดยเฉพาะวันที่ผมไปทำประวัติ​ ผมก็ต้องรออยู่เป็นเวลานานเช่นกัน​ ซึ่งผู้ที่ไปให้ท่านรดน้ำมนต์หรือทานยาเพื่อแก้อาการที่ถูกของต่าง ๆ ทุกท่านเมื่อให้ท่านร่ายเหลือเชื่อดังกล่าวแล้ว​ ต่างก็จะไม่ลืมขอแป้งนารายณ์แปลงและสีผึ้งมหาเสน่ห์​ติดตัวกลับกันไป
ท่านผู้อ่านที่เคารพก็โปรดอย่าลืมก็แล้วกันโอกาสนี้นับเป็นโอกาสดีของท่าน ๆ แล้วส่งจดหมายรีบขอสีผึ้งท่านไปด่วนก่อนที่รุ่นนี้จะหมดลงซึ่งถ้าหมดก็ต้องรอกันพรรษาหน้าและก็อย่าลืมขอแป้งมหาเสน่ห์นารายณ์แปลงจากหลวงพ่อท่านด้วยโดยท่านก็ส่งจดหมายไปได้ดังนี้
"หลวงพ่อจวน​ สุญญโต​ วัดบ้านแสลงโทน​ อำเภอประโคนชัย​ จังหวัดบุรีรัมย์​ รหัสไปรษณีย์​ 31140
ครับท่านๆ ผู้อื่น​ นับเป็นความเมตตาของหลวงพ่อท่าน ที่ผมต้องรีบเรียนบอกท่าน ๆ ผู้อ่านไว้ก่อน​ ก่อนที่ผมจะเล่าเรื่องราวเหรียญที่หลวงพ่อได้จัดสร้างเป็นรุ่นแรกด้วย​ ซึ่งเหรียญที่หลวงพ่อบอกนับว่าเป็นเหรียญรุ่นแรก​ และหลวงพ่อบอกว่าท่านที่จะสร้างเพียงรุ่นเดียว​ ซึ่งการที่จัดสร้างมาเพื่อฉลองศรัทธา​ บรรดาท่านผู้ที่เคารพในปฏิปทาของท่านเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อผมเองก็มีความเชื่อมั่นว่าต้องเป็นเหรียญที่โด่งดังและมีชื่อเสียงด้านเมตตาเยี่ยม​ ซึ่งหมายถึงจะต้องเป็นเหรียญดังของทางภาคอีสานในอนาคต​ เพราะการจัดสร้างหลวงพ่อเมตตาบอกกับผมว่าสร้างขึ้นมีจำนานเพียง 5,000​ เหรียญ​ โดยท่านที่ตั้งใจปลุกเสกเดี่ยวองค์เดียวอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งแม้ในพิธีพุทธาภิเษกที่ได้จัดขึ้นแทบทุกวัดในเขตภาคอีสานหลวงพ่อท่านก็จะนำไปเข้าพิธีด้วยเสมอจนท่านเองก็แทบจะจำชื่อวัดที่นำเหรียญนี้ไปเข้าพิธีไม่ได้
ท่าน ๆ ผู้อ่านครับด้วยปฏิปทาที่มีแต่เมตตาของหลวงพ่อในหลาย ๆ อย่างผมก็เชื่อแน่ว่า​ วัตถุมงคลที่เป็นเหรียญนี้ต่อไปในอนาคตต้องเป็นที่นิยมของผู้ที่นำไปใช้ติดตัวแน่นอนซึ่งความศักสิทธิ์หรือเกิดปาฏิหาริย์ให้ความสวัสดีแก่ผู้ที่นำไปใช้นั้นต้องเกิดมีแน่ผมกล้ากล่าวอย่างนี้เพราะท่านผู้สร้าง (หลวงพ่อจวน​ สญฺญโต) ท่านเป็นพระที่เปี่ยมบริบูรณ์ไปด้วยทั้งสมาธิจริง ๆ เรื่องด้านวิชาที่เป็นตัวปัญญาจะต้องบรรจุพุทธาคมลงไปในเหรียญนี้​ พระผู้ที่มีศีลสมาธิเยี่ยมอย่างหลวงพ่อปัญญาที่จะเรียกอักขระอักษรตัวใดก็จะเต็มเปี่ยมในตัวของท่านเมื่อปลุกเสกเสมอและผมยังทราบมาอีกว่าเหรียญของท่านรุ่นนี้มีการลงยันต์จารด้วยมือของหลวงพ่อท่านทุกเหรียญด้วยท่านผู้อ่านครับผมก็เรียนเรื่องราวของเหรียญที่หลวงพ่อท่านเพิ่งสร้างโดยเรียนบอกท่านตรง ๆ อย่างนี้
จะกล่าวว่าเหรียญของท่านเคยมีผู้นำไปใช้ติดตัวแล้วเกิดคลาดแคล้วหรือเกิดปาฏิหาริย์ว่ารวยอะไรขึ้นมาเรื่องอย่างนี้ผมจะว่าไปไม่ได้เพราะเรื่องเหรียญของท่านหลวงพ่อปลุกเสกจนพอใจ​ ในบัดนี้แล้วและเพิ่งจะบอกให้ท่าน ๆ ผู้อ่านได้เช่าบูชาในขณะนี้เท่านั้นซึ่งความดีของท่านที่หลวงพ่อตั้งใจสร้าง (เพื่อหาปัจจัยสร้างศาลา) อนาคตข้างหน้านี้แหละครับก็จะบอกให้ท่าน ๆ ผู้อ่านได้ทราบได้ว่าเหรียญของท่านพุทธคุณเยี่ยมและจะดีมากอย่างไร?



ครับ! แต่ !! นับเป็นเหรียญที่ 7 ที่ผมเกิดสรัทธาและนำขึ้นใส่สร้อยเพื่อที่แขวนคอด้วยความศรัทธาและเห็นว่ารูปเหรียญนี้สวยมากด้วยท่านผู้อำนก็อาจอยากจะได้เช่นเดียวกับผมซึ่งเมื่อท่านประสงค์อยากมีไว้ใช้ประจำตัวก็ส่ง ธนาณัติหรือตั๋วแลกเงินก็ได้โดยเร่งปัจจัยไปเพียง 29 บาทในนามของหลวงพ่อท่าน "หลวงพ่อจวน​ สญฺญโต​ วัดบ้านแสลงโทน​ ตำบลบ้านแสลงโท​น​ อำเภอประโคนชัย​ จังหวัดบุรีรัมย์​ รหัสไปรษณีย์ 31140” ท่าน ๆ ก็จะได้เหรียญที่ผมว่านี้ในราคาที่เท่ากับช่วยหลวงพ่อท่านต่อเติมสร้างศาลา
ซึ่งด้วยความเมตตาของหลวงพ่อท่านอีกนั้นแหละ! เหรียญของท่านที่บอกให้เช่าในราคาเหรียญละ 29 บาทนี้ท่าน ๆ ผู้อ่านเชื่อใหม” แม้หลวงพ่อเองท่านก็จะไม่ยอมเขียน 1 เพียง แต่มีคณะกรรมการวัดหลายท่านที่บอกให้ผมบอกทำน ๆ ผู้่านด้วยราคาเช่าอย่างนี้ก็คิดว่าเป็นปัจจัยไม่เท่าไร​ บางท่านที่คิดว่าหลวงพ่อท่านเมตตาอยู่แล้วก็อย่าจดหมายไปเรียนขอท่านฟรี ๆ เลยนะครับเพราะอย่างน้อยแป้งมหาเสน่ห์นารายณ์แปลงที่มีเหล่าศิลปินนิยมกันมากหรือแม้สิ่งที่หลวงพ่อท่านบอกว่าต้องทำด้วยความยากลำบากสิ่งเมตตาทั้งสองอย่างนี้บัดนี้หลวงพ่อท่านก็บอกให้ผมเรียนท่าน ๆ ผู้อ่านว่าท่านเมตตามอบให้แก่ผู้ที่ต้องการฟรี ๆ แล้วโดยท่านที่ต้องการก็โปรดอย่าลืม​ ส่งซองจดหมายโดยจ่าหน้าซองถึงตัวท่านเองให้เรียบร้อยแสตมป์ไปด้วยอย่าสอดแสตมป์ไปเพื่อความรวดเร็วเพราะ สีผึ้งแป้งเสกของท่านใครขอก่อนก็ได้ก่อน แต่สำหรับแป้งนารายณ์แปลงที่ท่าน ๆ ต้องการก็โปรดส่งแป้งกระแจะส่งไปถวายท่านด้วยเพื่อในโอกาสพรรษาต่อไปหลวงพ่อจะได้ปลุกเสกไว้แจกใคร ๆ ต่อไป
ท่าน ๆ ผู้อ่านครับ ณ ที่วัดบ้านแสลงโทนในปัจจุบันนอกจากที่หลวงพ่อท่านจะทำการก่อสร้างศาลาอยู่แล้ว​ กุฏิสงฆ์ที่จัดเป็นที่พำนักอยู่ของพระภิกษุท่าน ๆ ผู้อ่านเชื่อไหม” ณ ที่วัดนี้ทั้งหน้าออกพรรษาเข้าพรรษาจะมีพระภิกษุไปอยู่เพื่อปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อมากมาย แต่กุฏิที่จะพักอาศัยได้นั้นปัจจุบันไม่มีเลยเหตุนี้หลวงพ่อท่านจึงจัดกั้นห้องที่ภายใต้หอสวดมนต์นั้นเองสำหรับเป็นที่พำนักของพระภิกษุผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย​ ซึ่งเมื่อผมไปพบก็เกิดใจหาย! และคิดตั้งใจไว้ว่าผมเองถ้ามีโอกาสจะต้องช่วยหลวงพ่อท่านให้ได้ซึ่งการเสนอเรื่องราวของหลวงพ่อท่านถ้าท่านผู้ใดเกิดมีศรัทธาจะไปกราบนมัสการหลวงพ่อท่านก็เดินทางไปให้เลยดังนี้คือพอถึงอำเภอประโคนชัย​ ก็​ขึ้นรถต่อไปสายบุรีรัมย์ซึ่งจากอำเภอประโคนชัยไปอีกประมาณ 15 กม. เท่านั้นวัดแสลงโทน​ อยู่ติดกับถนนเลย (ถนนขายประโคนชัย-บุรีรัมย์) สะดวกมากซึ่งทานๆ ผู้อ่านก็จะได้พบและเห็นสิ่งที่ผมเรียนให้ทราบนี้ด้วย​ โดยเฉพาะสีผึ้งนะครับที่ผมรับเมตตาแจกจากหลวงพ่อท่านมามีเพื่อนหลายคนเมื่อทราบประวัติของหลวงพ่อฯ ที่ผมเล่ามาอย่างนี้ต่างก็ขอแบ่งกันไปแทบหมดแถมทุกคน (หมายถึงเพื่อน ๆ ที่แบ่งสีผึ้งหลวงพ่อจากผมไป) ต่างก็มั่นหมายจะต้องไปเอากันอีกซึ่งพวกเขาจะไปได้ประสบผลดีอย่างไร "เรื่องราวทั้งหลายผมก็ไม่ได้สอบถามพวกเขามาก็เป็นอันว่าใคร ๆ ได้ของท่านไปใช้แล้วก็มักจะปรารถนาอยากได้อีกและมีหลายท่านครับถึงกับจะไปขอเช่าบูชาจากผมที่มีเหลือเพียงน้อยนิดเท่านั้น



ท่าน ๆ ผู้อ่านครับเรื่องราวประวัติการสร้างแป้งนารายณ์แปลงจนเกิดเมตตามหัศจรรย์พร้อมทั้งการสร้างเหรียญเสกเป่าสีผึ้งของหลวงพ่อท่านจนขลัง​ โดยที่หลวงพ่อท่านเมตตาให้ผมบอกแจกมาฟรี ๆ อย่างนี้โอกาสดีอย่างนี้ก็เป็นของท่าน "ผู้อ่านแล้วก็รีบ ๆ ขอไปตามที่ผมบอกส่วนด้านเหรียญรุ่นแรกของท่านนี้ก็อย่าลืมเช่าบูชาไว้ให้ได้เพราะถึงเป็นเหรียญที่ยังไม่มีประสบการณ์ (เพราะท่านเพิ่งบอกให้บูชา) แต่ผมก็เชื่อแน่ว่าจะเกิดคุณแก่ผู้ที่นำไปใช้ยิ่งแน่นอนเพราะหลวงพ่อท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี​ ความดีของท่านก็จะเกิดเป็นบารมีในเหรียญของท่านที่ไม่ดังทางแคล้วคลาดก็ต้องเป็นเหรียญที่มีเมตตามหานิยมเยี่ยมแน่!
ท่านผู้อ่านครับ .... คำว่า "เรียบซู" เป็นภาษาเขมรที่หลวงพ่อท่านบอกว่าท่านใช้เป็นภาษาประจำตระกูลมา แต่เกิด“ เรียบซู แปลว่า​ "สวัสดีครับ"
อ้างอิง : นิตยสาร​พระเครื่อง​นะโม​ ปี​ 2531
เรียบเรียงโดย​ : ทำนอง​ ตะมาริด
คัดลอก​ : เพจ​พระเครื่อง​เมือง​สุรินทร์​อิสาน​ใต้
เหรียญรุ่น​แรกหลวงพ่อจวน​ สัญญโต​ วัดบ้านแสลงโทน​ อำเภอ​ประโคนชัย​ จังหวัด​บุรีรัมย์​ ปี​ 2531 








                                                                   (#ราคาเล่นหา 1,000 - 1,800  บาท)

                                                ที่ระลึกเพื่อหางบประมาณ​สร้าง​ศาลา​การเปรียญ​ และกุฏิ​สงฆ์​ ณ​ วัดบ้านแสลงโทน หลวงปู่จวน สัญ​ญ​โต​ ท่านเป็นศิษย์​เอกของหลวงพ่อแก้ว​ โกวิโท วัดสุภาลัย​ และยังได้ไปเรียนวิปัสนากรรมฐานในสำนักโคกบัวราย อำ​เภอ​เมือง จังหวัด​สุรินทร์กับพระครูนนทญาณวิสุทธิ์ (หลวงพ่อสุคม ) อีกด้วย โดยหลวงพ่อสุคมองค์นี้ท่านเป็นศิษย์ในองค์หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ​ภาษีเจริญ​ และ สำนักวัดมหาธาตุยุวราช​รังสฤษฎิ์​ กรุงเทพมหานคร​ พระเถราจารย์เกือบทุกรูปในเขตอิสานใต้ ต้องมาเรียนวิปัสนากรรมฐานใน สำนักแห่งนี้ หลวงปู่จวน วัดบ้านแสลงโทน ถือเป็นเจ้าอาวาสที่สร้างและพัฒนาวัดแสลงโทนให้เจริญขึ้นมาตามลำดับ วัตถุมงคลของท่านสร้างมาไม่กี่รุ่น ต่างมีประสบการณ์มากมาย พื้นที่ต่างหวงแหนกันมาก ปัจจุบันคนพื้นที่ต่างหากันมาไว้บูชากันมาก โดยเฉพาะ​สีผึ้ง​ และแป้งนารายณ์​แปลงของท่านมีประสบ​การณ์มากนัก​ ในเรื่องเมตตามหาเสน่ห์​ เหรียญรุ่นแรกนี้ท่านสร้างประมาณ 5,000 เหรียญเท่านั่นโดยออกให้ทำบุญ​ใยราคา​ เหรียญ​ละ​ 29​ บาท โดยท่านที่ตั้งใจปลุกเสกเดี่ยว​องค์เดียวอย่างเต็มความสามารถ และในพิธีพุทธาภิเษกที่ได้จัดขึ้นแทบทุกวัดในเขตภาคอีสานหลวงพ่อท่านก็จะนำไปเข้าพิธีด้วยเสมอจนท่านเองก็แทบจะจำชื่อวัดที่นำเหรียญนี้ไปเข้าพิธีไม่ได้ ​

อ้างอิง​ : นิตยสาร​พระเครื่อง​นะโม​ ปี​ 2531 
เรียบเรียงโดย​ : ทำนอง​ ตะมาริด 
คัดลอก​ : เพจ​พระเครื่อง​เมือง​สุรินทร์​อิสาน​ใต้